EEC กับความพยายาม สร้างเมืองน่าอยู่อันดับ 10 ของโลก แผนใหญ่ 1.34 ล้านล้านของไทย เดินทางถึงไหนแล้ว?
หลังจากแนวคิด “EEC” หรือ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ถูกเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อปักหมุดพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของประเทศไทย
ล่าสุดโครงการ เดินหน้าสู่เฟสสำคัญอีกครั้ง เมื่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดผัง “EECiti” เมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ที่ตั้งอยู่ในตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่รวมกว่า 14,619 ไร่
เจาะในรายละเอียดนั้น โครงการนี้ถูกวางให้เป็น “ศูนย์กลางธุรกิจแห่งอนาคต” หรือ Capital City ของ EEC โดยมีเป้าหมายใหญ่ คือ ก้าวสู่เมืองน่าอยู่อันดับ 1 ใน 10 ของโลกภายในปี 2580
พร้อมเปิดทางให้ภาคเอกชนร่วมลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ผ่านรูปแบบ PPP (Public Private Partnership) รวมมูลค่ากว่า 74,465 ล้านบาท ภายในปี 2569 ซึ่งคาดจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ EEC ที่มีกรอบวงเงินลงทุนรวมถึง 1.34 ล้านล้านบาท
โครงการนี้ คืบหน้า ถึงไหนแล้ว ?
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ระบุว่า การพัฒนา EECiti ขณะนี้อยู่ใน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2566-2570) ครอบคลุมพื้นที่ 5,795 ไร่ หรือราว 40% ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อจัดวางย่านหลัก ได้แก่
ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD)
ย่านศูนย์การแพทย์แม่นยำและการแพทย์เพื่ออนาคต
ย่านการศึกษา–วิจัยระดับนานาชาติ
ย่านธุรกิจ BCG
ย่านบริการและโลจิสติกส์
และย่านที่อยู่อาศัยแบบผสม (Mixed-use)
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอน ออกแบบ Conceptual Drawing และ ศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงิน เพื่อเตรียมเปิดเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน PPP ภายในปี 2569 ซึ่งจะครอบคลุมระบบหลัก 10 ด้าน ตั้งแต่พลังงาน น้ำ การจัดการขยะ ไปจนถึงระบบขนส่งอัจฉริยะและพื้นที่สีเขียว
เมืองอัจฉริยะในแนวคิด Smart–Green–Livable–Inclusive
ทั้งนี้ แผนแม่บทของ EECiti ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Smart – Green – Livable – Inclusive หรือ “เมืองอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อยู่ได้จริงสำหรับทุกคน” โดย สกพอ. ตั้งเป้าพัฒนาเมืองให้เติบโตอย่างยั่งยืน มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งมากกว่า 30% ของโครงการ รวมถึงออกแบบระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ เช่น ระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด การเดินทางด้วยระบบขนส่งอัจฉริยะ และการบริหารจัดการพลังงานเพื่อมุ่งสู่ การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
จากภาพผังเมือง...สู่ความจริงบนพื้นที่
แม้ภาพผัง EECiti ที่เปิดเผยจะดูยิ่งใหญ่ในเชิงแนวคิด แต่คำถามสำคัญคือ “โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้จริงเมื่อไร?” เพราะตลอดกว่า 8 ปีที่ผ่านมา “EEC” ยังคงเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในฐานะความหวังใหม่ของเศรษฐกิจไทย
เพราะหลายโครงการในพื้นที่ยังอยู่ในขั้นวางแผน ออกแบบ หรือรอความชัดเจนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ในรูปแบบ PPP ที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว และการแข่งขันดึงดูดการลงทุนระหว่างประเทศเข้มข้นขึ้น การทำให้ “เมืองต้นแบบ” อย่าง EECiti เกิดขึ้นจริงภายในกรอบเวลาที่วางไว้ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
มาตรการสนับสนุนการลงทุน มีอะไรบ้าง
ผ่อนคลายกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อการทดสอบ ทดลอง เทคโนโลยีสมัยใหม่ในอุตสาห-กรรมเป้าหมาย เพื่อดึงดูดการลงทุน
อำนวยความสะดวก การอนุมัติ อนุญาตผ่านช่องทางระบบดิจิทัลได้ถึง 44 ใบอนุญาต
สิทธิถือครองที่ดิน เมืองใหม่ฯ เช่าระยะยาว 50 ปี
วีซ่าประเภทใหม่ ระยะเวลา 10 ปี สำหรับผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติ
EEC ยังเป็น “อนาคตของไทย” ได้อยู่หรือไม่
แผนแม่บทของ EECiti คือส่วนหนึ่งของกรอบการลงทุน 1.34 ล้านล้านบาท ในพื้นที่ EEC ทั้งหมดที่รวมตั้งแต่สนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรมแต่ในขณะที่เมกะโปรเจ็กต์หลายส่วนยังอยู่ในขั้นก่อสร้างหรือปรับแบบ คำถามคือเมืองอัจฉริยะที่ถูกวาดภาพไว้อย่างสวยงาม จะก้าวทันโลกหรือไม่ ในวันที่ทุกประเทศต่างเร่งสร้าง “Smart City” ของตัวเอง
ท้ายที่สุด EECiti อาจเป็นบทพิสูจน์สำคัญของไทย ว่าเราจะเปลี่ยน “แบบจำลองเมืองในเอกสาร” ให้กลายเป็น “เมืองที่คนอยากอยู่อาศัยจริง” ได้หรือไม่ และนั่นอาจเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของความพยายามชื่อ “EEC” ในรอบทศวรรษนี้
